ติดต่อเราSiteMap

เศรษฐกิจไทยเติบโตช้า แนะเร่งปรับโครงสร้าง เพิ่มจุดแข็ง ลดจุดอ่อน

2025-06-05 IDOPRESS

ดร.พิพัฒน์ ชี้เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลง เร่งปรับโครงสร้าง เพิ่มจุดแข็ง ลดจุดอ่อน ก้าวสู่เบอร์หนึ่งอาเซียน

วันที่ 4 มิ.ย. นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยในงานสัมมนา Transforming Thailand Economic to become No.1 in Asian เจาะแนวทางพลิกไทยให้กลายเป็นที่ 1 อาเซียน ระบุว่า แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจโลก ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง และกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยน กลายเป็นโลกไม่เหมือนเดิม โดยมี 4 เรื่องที่สำคัญ คือ 1.โครงสร้างประชากร 2.เทคโนโลยี 3.ภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลก และ 4.สิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ได้เริ่มต้นขึ้นจากนโยบายภาษีการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้การประเมินเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว และการลงทุนทั่วโลกกำลังเปลี่ยนไป รวมทั้งเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ขณะที่ประเด็นการค้า ทางสหรัฐได้ขาดดุลการค้า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนประเทศอื่นเกินดุลการค้า จึงเป็นเหตุผลถึงการใช้มาตรการภาษีแบบตอบโต้

สำหรับมองมุมมองภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ได้เจอความท้าทายทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงเรื่อยๆ ในหลายปีที่ผ่านมา การเติบโตได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้จีดีพีไทยในช่วงนั้นติดลบถึง 6% แต่การฟื้นคืนหลังโควิดของเศรษฐกิจไทย มาจากท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรสำคัญ ในขณะที่ภาคการผลิตและการเกษตรยังไม่ฟื้นตัว พร้อมกับมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีกด้วย และแรงส่งมาจากภาคการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

ขณะที่ในระยะสั้นการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว ถูกกระทบจากความกังวลด้านความปลอดภัย และการกลับมาของนักท่องเที่ยวมีความล่าช้า ซึ่งหายไป 30-40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน คาดว่าในปี 68 จะเท่ากันหรืออาจน้อยกว่าที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้ภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรต้องเข้ามาทดแทน

แต่ปัญหาคือ การส่งออกได้เจอความท้าทายเพราะผลกระทบทางการค้า ด้านระยะยาว ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรม การเกษตร แรงงาน ทรัพยากร โดยไทยกำลังเจอจุดเปลี่ยนจากเกษตรไปอุตสาหกรรมและกำลังเปลี่ยนไปในภาคบริการ

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ไทยจะเป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียนได้หรือไม่นั้น ต้องดูว่าเทียบกับอะไร ถ้าเทียบขนาดเศรษฐกิจไทยจะอยู่อันดับสาม ส่วนอินโดนีเซียอยู่เบอร์หนึ่ง ซึ่งอินโดฯ มีประชากร 4 เท่าของไทย และไทยมีรายได้ต่อหัว 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ หากเทียบกับสิงคโปร์ 89,000 ดอลลาร์สหรัฐ ยอมรับว่าไม่ง่าย

อย่างไรก็ตามถ้าแข่งขันด้านอื่น เช่น เป็นผู้นำอาหารปลอดภัย สุขภาพที่ดี และยังน่ามาลงทุน โดยภาครัฐและภาคเอกชน ต้องมีบทบาทหน้าที่ และอยากเห็นการประสานงานนโยบายรัฐ ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้กำกับอื่น ประสานนโยบายส่งเสริมการแข่งขัน หลีกเลี่ยงผูกขาดกินรวบ และให้เอื้อการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“ภาคเอกชน ยอมรับโมเดลการทำธุรกิจไม่เหมือนเดิม ต้องเน้นเรื่องความสำคัญการแข่งขัน เน้นจุดแข็ง ลดจุดอ่อน เรื่องอาหารเป็นสิ่งสำคัญ อาจไม่ให้เป็นการใช้แรงงานเยอะ แต่ใช้เทคโนโลยีสำคัญ และการแข่งขันมากขึ้น โดยจุดแข็งของไทยยังมีเรื่องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แต่อยากให้สะท้อนเรื่องการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง สร้างคุณภาพชีวิตดี และน่าลงทุน”

คำปฏิเสธ

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์2009-2020 กรุงเทพพาณิชย์รายวัน    ติดต่อเรา SiteMap