ติดต่อเราSiteMap

อคส.ถกอัยการยื่นอุทธรณ์ “ถุงมือยาง 2,000 ล้าน ลากตัวคนผิดดำเนินคดี

2025-06-04 IDOPRESS

อคส. ประสานอัยการ อุทธรณ์ต่อ หลังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง 22 จำเลย คดี อคส.จัดซื้อถุงมือยาง 2 พันล้าน ส่วนคดีแพ่ง อคส.ฟ้องพนักงาน 7 รายชดใช้ 2 พันล้านบาทรวมดอกเบี้ย ศาลตัดสินลดเหลือคนละ 360 ล้านบาท

นายธิรินทร์ ณ ถลาง ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการ ผู้อำนวยการ อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน ในคดี อคส.จัดซื้อถุงมือยาง โดยจ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท หลังจำเลยทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า อคส.ได้ขอคัดคำพิพากษาเพื่อนำกลับมาศึกษาในรายละเอียดแล้ว อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการกฎหมายของ อคส.ได้ประชุมในเรื่องนี้ เพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป และได้ประสานขอให้พนักงานอัยการ ยื่นอุทธรณ์แล้ว

ด้านนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต อดีตผู้อำนวยการ อคส. ซึ่งเป็นผู้พบเงินของอคส.หายไปจากบัญชีธนาคาร 2,000 ล้านบาท และยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า วันแรกที่ทำงานตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. วันที่ 10 ก.ย.63 พบว่าเกิดความเสียหายแก่องค์กรสูงถึง 2,000 ล้านบาท และตลอดระยะเวลา 3 ปีครึ่ง ที่ดำรงตำแหน่ง ได้ติดตามเรียกทรัพย์สินคืนให้ได้มากที่สุด รวมถึงดำเนินการให้ลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างตรงไปตรงมาในทุกช่องทางอย่างเต็มกำลัง


“ผลของคดีในเบื้องต้น สร้างความกดดันทั้งแก่ผม และคณะทำงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณอธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตฯที่ให้ความเห็นแย้งไว้ ซึ่งเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งอุทธรณ์ในเวลาที่กำหนด เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะตอนนี้ เจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่ง คงสับสนว่าการฝ่าฝืนระเบียบ กฎหมาย และข้อบังคับอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงนั้น ไม่มีความผิดทางอาญาจริงหรือไม่ และเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องต่อสังคมไปแล้ว”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลย เนื่องจากพฤติกรรมการจัดซื้อถุงมือยาง เป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายหน่วยงานรัฐ ซึ่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค.68 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง แต่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีความเห็นแย้ง และไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าว


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแล้วพบว่า การจัดซื้อถุงมือยาง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ อคส.แม้ติดตามเงินกลับคืนมาได้ แต่ยังเหลืออีกกว่า 1,000 ล้านบาทที่ไม่สามารถติดตามคืนมาได้ ซึ่งพ.ต.ท.รุ่งโรจน์ กับเจ้าหน้าที่อคส.ที่ถูกฟ้อง และบริษัทคู่สัญญาบางราย มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดความเสียหายนี้ ดังนั้น จำเลยแต่ละคนต้องมีความรับผิด หรือโทษในทางอาญาหนักหรือเบาเพียงใด หรือรอลงอาญาหรือไม่ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง แต่ศาลคดีอาญาฯไม่ควรยกฟ้องจำเลยทุกคน เพราะเกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเกิดจากพฤติการณ์ที่ไม่สุจริต


สำหรับคดีแพ่ง อคส. ได้ฟ้องพนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐรวม 7 ราย รวมความเสียหาย 2,000 ล้านบาท และดอกเบี้ยราว 3 ล้านบาท โดยรายที่ 1-4 ฟ้องรายละ 400 ล้านบาท และรายที่ 5-7 รวมกัน 400 ล้านบาท แต่ศาลได้พิพากษาให้รายที่ 3-4 ชดใช้คนละ 360 ล้านบาท และรายที่ 5-7 รวมกัน 360 ล้านบาท หรือคนละ 120 ล้านบาท เพราะอคส. ได้รับเงินคืนแล้ว 200 ล้านบาท โดยรายที่ 1 ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ได้โอนคดีไปยังศาลปกครอง ขณะที่รายที่ 2 ซึ่งได้แก่ พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ เป็นบุคคลล้มละลาย


คำปฏิเสธ

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์2009-2020 กรุงเทพพาณิชย์รายวัน    ติดต่อเรา SiteMap